ข้ามไปเนื้อหา

หวงเฟยหง ภาค 2 ตอน ถล่มมารยุทธจักร

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หวงเฟยหง ภาค 2 ตอน ถล่มมารยุทธจักร
โปสเตอร์ภาพยนตร์ในรูปแบบบลูเรย์
กำกับฉีเคอะ
เขียนบทฉีเคอะ
ชาน ตินซ่วน
ชึง ทาน
อำนวยการสร้างฉีเคอะ
ซี หยวน
เรย์มอน โจว
นักแสดงนำหลี่ เหลียนเจี๋ย
กวน จือหลิน
ม่อ เส้าชง
เจิน จื่อตัน
กำกับภาพอาร์เทอร์ หว่อง
ตัดต่อมาร์โก้ มัค
แองจี้ ลัม
แอนดี้ ชาน
ดนตรีประกอบริชาร์ด หยวน
จอห์นนี่ หยึง
โจว กัมหวิ่ง
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายโกลเด้น ฮาร์เวสท์
วันฉาย
  • 16 เมษายน ค.ศ. 1992 (1992-04-16)
ความยาว113 นาที
ประเทศฮ่องกง
ภาษาภาษาจีน
ทำเงินHK$30,399,676[1]
ก่อนหน้านี้หวงเฟยหง ภาค 1 ตอน หมัดบินทะลุเหล็ก
ต่อจากนี้หวงเฟยหง ภาค 3 ตอน ถล่มสิงโตคำราม

หวงเฟยหง ภาค 2 ตอน ถล่มมารยุทธจักร หรือ หวงเฟยหง ตอน ถล่มวังบัวขาว (อังกฤษ: Once Upon a Time in China II) เป็นภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้สัญชาติฮ่องกง ค.ศ. 1992 ที่ร่วมเขียนบทและกำกับภาพยนตร์โดยฉีเคอะ ภาพยนตร์ชุดนี้เป็นภาคสองของภาพยนตร์ซีรีส์ชุด หวงเฟยหง ต่อจากภาพยนตร์เรื่อง หวงเฟยหง ภาค 1 ตอน หมัดบินทะลุเหล็ก โดยมีภาคต่อจากนี้คือ หวงเฟยหง ภาค 3 ตอน ถล่มสิงโตคำราม นำแสดงโดย หลี่ เหลียนเจี๋ย, กวน จือหลิน, เจิน จื่อตัน

เนื้อเรื่อง

[แก้]

ในปี ค.ศ. 1895 ช่วงปลายยุคราชวงศ์ชิงของจีน "หวงเฟยหง" ได้เดินทางด้วยรถไฟจากเมืองฝอซานมายังเมืองกว่างโจว เมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เพื่อเข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนวิชาการแพทย์แผนจีนกับการแพทย์แผนตะวันตก โดยมี "เหลียงควน" และ "น้าสิบสาม" ร่วมติดตามมาด้วย เวลานั้นเมืองกวางโจวตกอยู่ท่ามกลางความโกลาหล เนื่องจากเกิดการประท้วงต่อต้านสนธิสัญญาหม่ากวัน (สนธิสัญญาชิโมะโนะเซะกิ) ซึ่งจีนได้ลงนามเป็นคู่สัญญากับญี่ปุ่นในฐานะเสียเปรียบอย่างยิ่ง และในอีกด้านหนึ่ง "พรรคบัวขาว" ซึ่งมีอุดมการณ์ต่อต้านชาวตะวันตกแบบสุดโต่ง ได้อาละวาดทำร้ายชาวต่างชาติและทำลายทุกสิ่งที่เป็นวัฒนธรรมตะวันตกโดยไม่มีการแยกแยะ

หวงเฟยหงได้บรรยายวิชาฝังเข็มในการแพทย์แผนจีนให้แก่คณะแพทย์ชาวตะวันตก โดยมี "ซุนเหวิน" (ซุนยัดเซ็น) แพทย์แผนตะวันตกชาวจีน ช่วยเป็นล่ามแปลคำบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ การบรรยายต้องยุติลงเนื่องจากสถานที่ที่ใช้ในการบรรยายนั้นถูกพรรคบัวขาวโจมตี เมื่อเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาได้แล้ว หวงเฟยหงจึงคิดจะพาเหลียงควนและน้าสิบสามเดินทางกลับฝอซานเพราะเห็นว่าสถานการณ์ของเมืองกว่างโจวไม่ปลอดภัยเสียแล้ว แต่ในขณะที่จะเดินทางกลับฝอซาน ทั้งสามก็ได้ข่าวว่าพรรคบัวขาวโจมตีโรงเรียนถงเหวินกวน ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนภาษาต่างชาติให้แก่นักเรียนชาวจีน ทั้งหมดจึงตัดสินใจเดินทางไปช่วยเด็กนักเรียนที่นั่นและพามาหลบภัยยังโรงเตี๊ยมที่พวกตนพักอยู่ แต่เจ้าของโรงเตี๊ยมปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือเพราะเกรงอันตรายจากการต่อต้านพรรคบัวขาว

หวงเฟยหงไปที่จวนข้าหลวงเพื่อขอให้ช่วยหาที่หลบภัยใหักับพวกเด็กๆ เขาได้ประมือกับ "นายพลหลาน" ข้าราชการทหารผู้ซึ่งประทับใจในวรยุทธ์ของหวงเฟยหงมาก แต่ก็ไม่สามารถที่จะให้ความช่วยเหลือในเรื่องที่หวงเฟยหงขอมาได้ ส่วนเหลียงควนและน้าสิบสามก็ได้พาเด็กๆ ไปซ่อนตัวที่สถานกงสุลของอังกฤษซึ่งตกอยู่ในวงล้อมของพวกพรรคบัวขาว ที่สถานกงสุลนั้นเอง หวงเฟยหงได้พบกับซุนเหวินอีกครั้งพร้อมกับสหายชื่อ "ลู่ห้าวตง" และได้รับรู้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นสมาชิกของคณะปฏิวัติ ซึ่งต้องการล้มล้างการปกครองของราชวงศ์ชิงและสถาปนาการปกครองระบอบสาธารณรัฐขึ้นแทนที่ นายพลหลานได้นำกำลังทหารมาที่สถานกงสุลอังกฤษเพื่อจับตัวลู่ห้าวตงตามหน้าที่ แต่ "กงสุลอังกฤษประจำเมืองกว่างโจว" ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือด้วย ในคืนนั้นนายพลหลานจึงสั่งให้ทหารส่วนหนึ่งสวมรอยเป็นศิษย์พรรคบัวขาวเข้าร่วมโจมตีสถานกงสุล แล้วเขาจะนำทหารบุกเข้าไปในสถานกงสุลเพื่อฉวยโอกาสจับกุมลู่ห้าวตง โดยแสร้งทำทีว่ามาเพื่อคุ้มกันชาวต่างชาติจากการโจมตีของพรรคบัวขาว เมื่อกงสุลอังกฤษสังเกตเห็นความผิดปกติ นายพลหลานจึงฆ่าปิดปากกงสุลอังกฤษเสีย

ลู่ห้าวตงปลอมตัวเป็นเหลียงควนติดตามหวงเฟยหงออกไปจากสถานกงสุลอังกฤษ ส่วนเหลียงควนก็ปลอมตัวเป็นลู่ห้าวตงเพื่อล่อนายพลหลานและทหารไปทางอื่น น้าสิบสามพาเด็กนักเรียนหนีออกจากสถานกงสุลไปที่ท่าเรือกับซุนเหวิน หวงเฟยหงและลู่ห้าวตงจำต้องเดินทางไปปราบพรรคบัวขาวเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการออกจากสถานกงสุลอังกฤษโดยไม่ให้พวกนายพลหลานติดตามไปด้วย หวงเฟยหงได้ต่อสู้กับบรรดาศิษย์พรรคบัวขาวและประมือกับ "นักพรตเกา" ประมุขพรรคบัวขาวจนชนะ เมื่อหวงเฟยหงกับลู่ห้าวตงออกมาจากพรรคบัวขาวได้แล้วจึงรีบไปสมทบกับเหลียงควนเพื่อค้นหาที่ซ่อนเอกสารลับบันทึกรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคณะปฏิวัติ ทว่านายพลหลานและทหารได้แกะรอยพวกหวงเฟยหงจนพบและเกิดการปะทะกันขึ้น ลู่ห้าวตงตัดสินใจเปิดเผยตนเองเพื่อปกป้องพวกหวงเฟยหงและถูกทหารระดมยิงด้วยปืนบาดเจ็บสาหัส เขาจึงรีบจัดการเผาทำลายเอกสารลับของคณะปฏิวัติจนหมด เหลือไว้เพียงผ้าห่อหนังสือผืนหนึ่งซึ่งเหลียงควนเกือบจะเผาไปพร้อมกับเอกสารลับ ก่อนจะสิ้นใจ ลู่ห้าวตงได้สั่งเสียกับหวงเฟยหงและเหลียงควนให้นำผ้าผืนนั้นมอบให้กับซุนเหวินเมื่อไปถึงที่ท่าเรือ

นายพลหลานเข้าประมือกับหวงเฟยหงแบบตัวต่อตัวและต้อนทั้งหวงเฟยหงกับเหลียงควนไปจนมุมในตรอกตันแห่งหนึ่ง หวงเฟยหงถูกกระบองม้วนผ้าของนายพลหลานรัดคอแต่สามารถสลัดออกมาจนหลุดได้ ทว่าลำไม้ไผ่ซึ่งหวงเฟยหงคว้ามาใช้เป็นอาวุธนั้นหักคามือจากการปะทะกับกระบองม้วนผ้า หวงเฟยหงจึงใช้คมจากลำไม้ไผ่ที่หักคามือนั้นเองเป็นอาวุธเชือดคอนายพลหลานเสียชีวิต หลังจากนั้นหวงเฟยหงและเหลียงควนจึงเดินทางไปถึงท่าเรือในตอนฟ้าสาง เป็นเวลาเดียวกันกับที่เรือข้ามฟากซึ่งซุนเหวินและน้าสิบสามโดยสารอยู่จะออกเดินทางไปยังอาณานิคมฮ่องกงของอังกฤษพอดี หวงเฟยหงซึ่งขึ้นเรือไม่ทันจึงโยนผืนผ้าที่ลู่ห้าวตงฝากไว้ให้แก่ซุนเหวิน เมื่อซุนเหวินคลี่ออกมาดูจึงรู้ว่าผ้าผืนนั้นคือ "ธงฟ้าฉาย ตะวันใส" ซึ่งลู่ห้าวตงเป็นผู้ออกแบบไว้เพื่อใช้เป็นเครื่องหมายของคณะปฏิวัติ ทุกคนไว้อาลัยให้กับการเสียชีวิตของลู่ห้าวตง หวงเฟยหงได้บอกลาซุนเหวินกับน้าสิบสาม ก่อนจะพาเหลียงควนเดินทางกลับไปที่ฝอซานตามเดิม

นักแสดงนำ

[แก้]

การเข้าชิงรางวัล

[แก้]

ในภาคนี้ได้ หยวน หวู ปิง (จาก Iron Monkey และ The Matrix) ผู้กำกับคิวบู๊ชื่อดังมาร่วมงานทำให้ หวงเฟยหง ภาคนี้เป็นการร่วมกันสร้างความสุขสุดยอดทั้งด้านการเคลื่อนไหวและมุมกล้องได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น จนทำให้คว้ารางวัลชนะเลิศรางวัลม้าทองคำ เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในปี ค.ศ. 1992 ชนะเลิศรางวัลงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1993 รางวัลออกแบบฉากบู๊ยอดเยี่ยมและยังเข้าชิงรางวัล ผู้กำกับยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม กำกับศิลป์ยอดเยี่ยมภาพถ่ายยอดเยี่ยม ตัดต่อยอดเยี่ยม นักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Xiong Xin Xin) นักแสดงสมทบยอดเยี่ยม (เจิ้น จื่อตัน) เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1993

อ้างอิง

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]